นนทบุรี

 นนทบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นครั้งล่าสุดโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครนายก พุทธศักราช 2489 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489  

ปัจจุบัน จังหวัดนนทบุรีจัดเป็นพื้นที่ในเขตปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร มีขนาดเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 75 ของประเทศ (รวมกรุงเทพมหานคร) แต่มีประชากรหนาแน่นที่สุดเป็นอันดับที่ 2 รองจากกรุงเทพมหานคร

 ประวัติศาสตร์

สภาพทั่วไปของจังหวัดนนทบุรีเป็นที่ราบลุ่มมีความอุดมสมบูรณ์ จึงมีผู้คนมาตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนหนาแน่นตามริมแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่อดีต เช่น บ้านวัดชลอ บ้านวัดเขมา บ้านบางม่วง บ้านตลาดขวัญ บ้านบางขนุน เป็นต้น

หลักฐานการตั้งถิ่นฐานที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดนนทบุรีปรากฏที่วัดปรางค์หลวง ตั้งอยู่ในตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ เป็นวัดที่มีพระปรางค์ลักษณะย่อมุมไม้ยี่สิบขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักแก่ชุมชนชาวเมืองอู่ทองที่อพยพหนีโรคระบาดมาตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้ก่อนจะมีการสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ชุมชนแห่งนี้ได้ขยายตัวและกระจัดกระจายออกไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ในบริเวณนี้ โดยมีชุมชนสำคัญอีกแห่งหนึ่งคือ บ้านตลาดขวัญ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ท้องที่จังหวัดนนทบุรีทั้งหมดในสมัยนี้ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา

 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2091 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดแม่น้ำเจ้าพระยา จากเหนือวัดชลอไปทะลุใกล้วัดมูลเหล็ก (ปัจจุบันคือวัดสุวรรณคีรี เขตบางกอกน้อย) เพื่อใช้เป็นเส้นทางลัดในการเดินทางและเพื่อเพิ่มปริมาณแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรในพื้นที่

 ในปีเดียวกันนั้น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ กษัตริย์พม่าได้ยกกองทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ผลจากสงครามทำให้สมเด็จพระสุริโยทัยสิ้นพระชนม์บนคอช้าง เมื่อพม่ายกทัพกลับไป และกรุงศรีอยุธยาได้จัดการพระศพสมเด็จพระสุริโยทัยเรียบร้อยแล้ว สมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงทรงปรับปรุงกิจการทหารให้มั่นคงกว่าเดิม พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองใหม่ขึ้นอีกหลายเมือง รวมทั้งให้ยกฐานะหมู่บ้านตลาดขวัญขึ้นเป็น เมืองนนทบุรี ในปี พ.ศ. 2092  เนื่องจากมีราษฎรจำนวนมากหนีภัยสงครามครั้งนั้นไปอยู่ตามป่าเขาและไม่ยอมกลับพระนคร หากตั้งเมืองใหม่ขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่อการเกณฑ์ไพร่พลเมื่อเกิดสงคราม นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเมืองท่าและเมืองหน้าด่านของกรุงศรีอยุธยาได้อีกด้วย ที่ตั้งของเมืองนนทบุรีในครั้งแรกนี้ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา มีวัดเทพอุรุมภังค์ (วัดหัวเมือง) เป็นเขตเหนือ (ปัจจุบันคือโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า) และมีวัดท้ายเมืองเป็นเขตใต้

 ต่อมาในปี พ.ศ. 2179 รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดตัดส่วนโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ใต้วัดท้ายเมืองไปทะลุออกหน้าวัดเขมา (เดิมแม่น้ำเจ้าพระยาไหลวกเข้าไปทางบางกรวยและบางใหญ่) ซึ่งทำให้กระแสน้ำเปลี่ยนทางเดินไหลเข้าคลองที่ขุดใหม่ กลายเป็นแนวแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่าในปัจจุบัน ส่วนแม่น้ำเดิมก็ตื้นเขินลงเป็นคลองอ้อม คลองบางกอกน้อย และคลองบางกรวยตามที่ปรากฏในปัจจุบัน

 ในปี พ.ศ. 2208 สมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีพระราชดำริว่า แนวแม่น้ำเจ้าพระยาที่สั้นลงจะทำให้ข้าศึกเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาได้ง่ายขึ้น จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองนนทบุรีจากบ้านตลาดขวัญไปตั้งบริเวณปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง (ที่ตั้งเมืองอยู่บริเวณนี้จนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) และให้สร้างกำแพงเมืองรวมทั้งป้อมปราการขึ้น 2 ป้อม คือ "ป้อมแก้ว" ตั้งอยู่ที่บ้านตลาดแก้ว (สันนิษฐานว่าอยู่ที่วัดปากน้ำในปัจจุบัน) และ "ป้อมทับทิม" ตั้งอยู่บริเวณวัดเฉลิมพระเกียรติในปัจจุบัน (ปัจจุบันกำแพงและป้อมถูกรื้อไปหมดแล้ว) ในช่วงนี้สภาพเศรษฐกิจของเมืองนนทบุรีมีความมั่นคงมาก ทั้งการค้าขายและการทำสวนผลไม้

 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2264 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองลัดเกร็ดขึ้นตัดความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ไหลวกอ้อมไปทางบางบัวทอง[11] ต่อมากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางการไหล ชายฝั่งทั้งสองข้างของคลองลัดเกร็ดถูกกัดเซาะให้ห่างออกจากกันมากขึ้น พื้นที่ตรงกลางที่มีน้ำล้อมรอบจึงกลายเป็นเกาะ เรียกว่า "เกาะเกร็ด"

 ปี พ.ศ. 2307 ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าเล็กน้อย พระเจ้ามังระ กษัตริย์พม่า โปรดเกล้าฯ ให้มังมหานรธาเป็นแม่ทัพเข้าตีเข้ากรุงศรีอยุธยาจากทางทิศใต้ ตีหัวเมืองรายทางเรื่อยมาจนถึงเมืองธนบุรีและเมืองนนทบุรี ก็เข้ายึดเมืองทั้งสองได้เช่นกัน พม่าแบ่งกำลังบางส่วนขึ้นมาตั้งค่ายอยู่บริเวณวัดเขมา ขณะนั้นมีเรือกำปั่นอังกฤษซึ่งมาค้าขายอยู่ที่เมืองธนบุรีได้อาสาช่วยรบโดยยิงปืนเข้าใส่ค่ายพม่าในเวลากลางคืน แต่ในที่สุดก็สู้กองทัพพม่าไม่ได้ จึงล่องเรือหนีไป

 จากนั้นกองทัพพม่าจึงบุกขึ้นไปทางทิศเหนือ เข้าล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2309 และเข้ายึดได้ในปี พ.ศ. 2310 ตลอดการสู้รบได้ส่งผลให้บ้านเมือง วัดวาอารามต่าง ๆ ถูกทำลายและทิ้งร้าง ชาวเมืองนนทบุรีต้องอพยพจากถิ่นที่อยู่เดิม ข้ามแม่น้ำไปหลบซ่อนในสวนบางกรวยและบางใหญ่เพื่อหนีภัยสงคราม

ในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน ได้โปรดเกล้าฯ ให้ข้าหลวงไปรับครอบครัวชาวมอญมาตั้งบ้านเรือนอยู่ในแขวงเมืองนนท์ ในท้องที่ปากเกร็ด หลังจากที่มอญพ่ายพม่า ในภาวะสงครามคืนสู่ปกติ ชาวนนทบุรีเริ่มเพาะปลูก ค้าขายและติดต่อกับเมืองหลวง นนทบุรีขณะนั้นมีสถานะเป็นชานพระนคร ยังเป็นแหล่งรองรับชาวกรุงเก่า

 สมัยรัตนโกสินทร์

ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้ผู้คนต่างถิ่นตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองนนทบุรี เมืองปทุมธานี และเมืองนครเขื่อนขันธ์นอกจากนี้ยังมีชาวไทยมุสลิมเมืองปัตตานีที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และชาวไทยมุสลิมเมืองไทรบุรีที่เข้ามาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งสองพระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ชาวไทยมุสลิมเหล่านี้ตั้งถิ่นฐานที่บ้านท่าอิฐ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอปากเกร็ด) และบ้านบางบัวทอง

 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนสร้อยชื่อเมืองจากเดิมคือ เมืองนนทบุรีศรีมหาสมุทร เป็น เมืองนนทบุรีศรีมหาอุทยาน และต่อมาเปลี่ยนเป็น เมืองนนทบุรีศรีเกษตรารามในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนี้ เมืองนนทบุรีมีฐานะเป็นหัวเมืองชายทะเล สังกัดกรมท่า

 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงปฏิรูปการปกครองหัวเมืองต่าง ๆ เป็นการปกครองส่วนภูมิภาค เมืองนนทบุรี จึงจัดอยู่ในมณฑลกรุงเทพ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอตลาดขวัญ อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง และอำเภอปากเกร็ด ส่วนศาลากลางเมืองนนทบุรีนั้นโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากปากคลองอ้อม บ้านบางศรีเมือง มาตั้งอยู่ที่ปากคลองบางซื่อใกล้วัดท้ายเมือง[18] จนกระทั่งปี พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็น "จังหวัด" เมืองนนทบุรีจึงเปลี่ยนชื่อเรียกเป็น จังหวัดนนทบุรี

 นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2471 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีมาตั้งที่โรงเรียนราชวิทยาลัย ศาลากลางจังหวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการเมืองและศาลากลางจังหวัดนนทบุรีในอดีตลงมาทางทิศใต้ ปัจจุบันก็คือศาลากลางจังหวัดหลังเก่าบริเวณท่าน้ำนนทบุรีนั่นเอง

 สมัยปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. 2474 ทางราชการได้ตัดถนนประชาราษฎร์ ขึ้นเป็นเส้นทางเชื่อมการคมนาคมระหว่างจังหวัดนนทบุรีกับจังหวัดพระนครสายแรก และต่อมาจึงตัดถนนพิบูลสงครามเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเป็นสายที่สอง ในท้องที่ตำบลสวนใหญ่

 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2485 เกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางราชการจึงยุบจังหวัดนนทบุรีลงเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ โดยโอนอำเภอเมืองนนทบุรีและอำเภอปากเกร็ดไปขึ้นกับจังหวัดพระนคร และโอนอำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่ และอำเภอบางบัวทองไปขึ้นกับจังหวัดธนบุรีจนกระทั่งนนทบุรีได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นจังหวัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2489 อำเภอต่าง ๆ จึงกลับมาอยู่ในเขตการปกครองของทางจังหวัดตามเดิม

 ปี พ.ศ. 2499 กระทรวงมหาดไทยได้ยกกิ่งอำเภอไทรน้อยซึ่งแยกพื้นที่ปกครองจากอำเภอบางบัวทองมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 ให้มีฐานะเป็นอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรีจึงมีเขตการปกครองรวม 6 อำเภอจนถึงปัจจุบัน

ในปี พ.ศ. 2535 กระทรวงมหาดไทยย้ายศาลากลางจังหวัดนนทบุรีและหน่วยงานราชการอื่น ๆ ไปตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ และใช้เป็นที่ทำการมาจนถึงทุกวันนี้

 ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี

 

นายสุธี ทองแย้ม
พ.ศ. 2565–ปัจจุบัน
ภูมิศาสตร์
จังหวัดนนทบุรีตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางเหนือ 20 กิโลเมตร มีพื้นที่ปกครองทั้งหมด 622.303 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 388,939.375 ไร่ โดยมีพิกัดภูมิศาสตร์อยู่ละติจูดที่ 13 องศา 47 ลิปดาเหนือ ถึงละติจูดที่ 14 องศา 04 ลิปดาเหนือ และลองจิจูดที่ 100 องศา 15 ลิปดาตะวันออก ถึงลองจิจูดที่ 100 องศา 34 ลิปดาตะวันออก และมีอาณาเขตจรดอำเภอและจังหวัดข้างเคียงเรียงตามเข็มนาฬิกา ดังนี้

 ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอลาดหลุมแก้ว และอำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี

ทิศตะวันออก ติดต่อกับเขตดอนเมือง เขตหลักสี่ และเขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร (ฝั่งพระนคร)
ทิศใต้ ติดต่อกับเขตบางพลัด เขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร (ฝั่งธนบุรี)
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอพุทธมณฑลและอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
ลักษณะภูมิประเทศ

 จังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีแม่น้ำไหลผ่าน จึงแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ฝั่งตะวันตก มีพื้นที่ 3 ใน 4 ของจังหวัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มมีน้ำท่วมถึง มีคูคลองขนาดต่าง ๆ เชื่อมโยงกันหลายสายเหมือนใยแมงมุม มีการทำเรือกสวนไร่นา และฝั่งตะวันออกมีพื้นที่ 1 ใน 3 ของจังหวัด ได้แก่พื้นที่ในเขตเทศบาลนครนนทบุรีและเทศบาลนครปากเกร็ด เป็นเขตเมืองมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น อาจถือได้ว่าส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวง เพราะเขตแดนระหว่างนนทบุรีกับกรุงเทพมหานครนั้นแทบจะไม่เป็นที่รู้จัก

 ลักษณะภูมิอากาศ

สภาพภูมิอากาศของจังหวัดนนทบุรีเป็นแบบร้อนชื้นเช่นเดียวกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคกลางของประเทศ

ตัวอักษรย่อ จังหวัดนนทบุรีใช้อักษรย่อ "นบ"

คำขวัญประจำจังหวัด พระตำหนักสง่างาม ลือนามสวนสมเด็จ เกาะเกร็ดแหล่งดินเผา วัดเก่านามระบือ เลื่องลือทุเรียนนนท์ งามน่ายลศูนย์ราชการ
ตราประจำจังหวัด รูปหม้อน้ำลายวิจิตร หมายถึง ชาวจังหวัดนนทบุรีมีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งยึดถือเป็นอาชีพและมีชื่อเสียงมาช้านาน
ต้นไม้ประจำจังหวัด ต้นนนทรี (Peltophorum pterocarpum)
ดอกไม้ประจำจังหวัด ดอกนนทรี
สัตว์น้ำประจำจังหวัด ปลาเทพา (Pangasius sanitwongsei)การแบ่งเขตการปกครอง

การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดนนทบุรีแบ่งเขตการปกครองส่วนภูมิภาค (ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่) ออกเป็น 6 อำเภอ 52 ตำบล 424 หมู่บ้าน แต่หากไม่นับรวมหน่วยการปกครองในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครซึ่งยุบเลิกตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านแล้ว จะมีทั้งหมด 34 ตำบล 328 หมู่บ้าน โดยอำเภอทั้ง 6 อำเภอของจังหวัดนนทบุรี มีรายชื่อและข้อมูลทั่วไปดังนี้

เมืองนนทบุรี บางกรวย บางใหญ่ บางบัวทอง ไทรน้อย ปากเกร็ด

เทศบาลนคร

1 เทศบาลนครนนทบุรี เมืองนนทบุรี
2 เทศบาลนครปากเกร็ด ปากเกร็ด 
เทศบาลเมือง
1 เทศบาลเมืองบางบัวทอง  บางบัวทอง 
2 เทศบาลเมืองบางกรวย   บางกรวย
3 เทศบาลเมืองบางศรีเมือง เมืองนนทบุรี 
4 เทศบาลเมืองพิมลราช บางบัวทอง 
5 เทศบาลเมืองบางคูรัด บางบัวทอง
6 เทศบาลเมืองบางรักพัฒนา  บางบัวทอง 
7 เทศบาลเมืองบางแม่นาง  บางใหญ่ 
8 เทศบาลเมืองบางกร่าง  เมืองนนทบุรี 
9 เทศบาลเมืองไทรม้า  เมืองนนทบุรี
10 เทศบาลเมืองใหม่บางบัวทอง บางบัวทอง
เทศบาลตำบล
1 เทศบาลตำบลปลายบาง บางกรวย
2 เทศบาลตำบลบางม่วง  บางใหญ่
3 เทศบาลตำบลบางใหญ่  บางใหญ่ 
4 เทศบาลตำบลไทรน้อย ไทรน้อย
5 เทศบาลตำบลศาลากลาง  บางกรวย
6 เทศบาลตำบลเสาธงหิน บางใหญ่
7 เทศบาลตำบลบางเลน  บางใหญ่ 
8 เทศบาลตำบลบ้านบางม่วง บางใหญ่
9 เทศบาลตำบลบางสีทอง บางกรวย
10 เทศบาลตำบลบางพลับ ปากเกร็ด

ประชากรในจังหวัดนนทบุรีประกอบด้วยหลายเชื้อชาติทั้งไทย (มีจำนวนมากที่สุด มีอยู่ทั่วไปในจังหวัด) จีน มอญ (อพยพมาในสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 2) และมลายู (อพยพมาจากเมืองปัตตานีและไทรบุรี) โดยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา รองลงไปเป็นศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาอื่น ๆ จากการจัดเก็บข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน พ.ศ. 2561 ด้านศาสนา พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 93.64 รองลงมานับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 6.02 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.30 นอกนั้นนับถือศาสนาซิกข์ ฮินดู และอื่น ๆ รวมกันร้อยละ 0.04

สถานที่สำคัญและสถานที่ท่องเที่ยว

อำเภอเมืองนนทบุรี

 ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า

 วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร

 พระอุโบสถวัดปราสาท

 พระอุโบสถและพระวิหารวัดชมภูเวก

 พระอุโบสถวัดชลอ

 วัดอัมพวัน

 วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์

 วัดเสาธงทอง

 สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ นนทบุรี

ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีหลังเก่า ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้ท่าน้ำนนทบุรี ตำบลสวนใหญ่ สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและเป็นที่ตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัย ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โรงเรียนนี้ถูกยุบเลิกเนื่องจากประสบปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ อาคารโรงเรียนจึงได้ใช้เป็นศาลากลางจังหวัดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2471 เป็นอาคารตึกไม้ 2 ชั้น ทรงไทยประยุกต์ ประดับด้วยงานไม้ลายวิจิตร ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง เมื่อส่วนราชการจังหวัดทั้งหมดได้ย้ายออกไปตั้งที่ศูนย์ราชการแห่งใหม่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ กรมศิลปากรจึงได้ขึ้นทะเบียนศาลากลางแห่งนี้เป็นโบราณสถาน ปัจจุบันพื้นที่บางส่วนเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์จังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมและจัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชาวนนทบุรี
วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ในซอยพิบูลสงคราม 3 ถนนพิบูลสงคราม ตำบลสวนใหญ่ มีตำนานเล่าว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 แห่งกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาวัดนี้เป็นพระอารามหลวงชั้นโท สิ่งที่น่าสนใจในได้แก่ พระมหาเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศิลปะอยุธยา พระตำหนักแดงซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี และพระที่นั่งมูลมณเฑียรซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รื้อจากพระบรมมหาราชวังมาปลูกเป็นตึกไว้ที่นี่
วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยบางศรีเมือง-วัดโบสถ์ฯ 4 ถนนบางศรีเมือง-วัดโบสถ์ฯ ตำบลบางศรีเมือง เป็นพระอารามหลวงชั้นโทที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2390 เพื่ออุทิศถวายแด่พระอัยกา พระอัยกี และสมเด็จพระราชชนนี (แต่มาแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) มีการผสมผสานศิลปะจีนตามพระราชนิยมไว้ในการก่อสร้างด้วย เช่น พระอุโบสถหลังคามุงกระเบื้องแบบจีน โดยมีจิตรกรรมฝาผนัง บานประตูและหน้าต่างเขียนลายทองรดน้ำ ส่วนพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อด้วยทองแดงทั้งองค์ มีพระนามว่า "พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา" นอกจากนี้ยังมีอาคารที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น พระวิหารหลวง (วิหารพระศิลาขาว) พระเจดีย์ทรงกลม (แบบลังกา) ศาลาการเปรียญหลวง กำแพงใบเสมาและป้อมปราการทั้งสี่มุมรอบวัด
อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ติดกับวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร ซอยบางศรีเมือง-วัดโบสถ์ฯ 4 ถนนบางศรีเมือง-วัดโบสถ์ฯ ตำบลบางศรีเมือง มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี อุทยานแห่งนี้นอกจากจะเป็นสวนสาธารณะที่มีทั้งร่มเงาและความเงียบสงบให้ผู้ที่ต้องการพักผ่อนแล้ว ยังมีศูนย์ศึกษาธรรมชาติ พืชพรรณ สัตว์ปีก และสัตว์น้ำนานาชนิดอีกด้วย อาคารที่โดดเด่นที่สุดคือ "วิมานสราญนวมินทร์" เป็นอาคารพลับพลาทรงไทยตั้งอยู่กลางสระน้ำของอุทยาน
วัดปราสาท ตั้งอยู่ในซอยบางกร่าง 57 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลบางกร่าง สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จุดเด่นอยู่ที่ผนังพระอุโบสถที่มีลักษณะโค้งตกท้องช้าง สร้างแบบมหาอุด กล่าวคือ ผนังด้านข้างไม่มีหน้าต่าง มีเพียงช่องระบายลมเล็ก ๆ ตรงผนังด้านหลังเท่านั้น ผนังภายในตกแต่งด้วยจิตรกรรมสมัยอยุธยาตอนปลายโดยฝีมือของสกุลช่างศิลปะนนทบุรี ปัจจุบันถือว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุดของจังหวัดซึ่งแม้จะเลือนหายไปมากแต่ก็ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างถูกวิธี นอกจากนี้ ที่ศาลาการเปรียญยังมีธรรมาสน์ที่มีลวดลายสวยงาม มีอายุตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายเช่นเดียวกัน ดังนั้น วัดแห่งนี้จึงคุ้มค่าต่อการเข้าเยี่ยมชมและการศึกษาทางโบราณคดีอย่างยิ่ง
วัดตำหนักใต้ ตี่งอยู่ที่ซอยนนทบุรี 27 ถนนนนทบุรี 1 ตำบลท่าทราย ตามตำนานเล่าว่าก่อนที่จะมีการสร้างวัด พื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นพลับพลาที่ประทับชั่วคราวของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาก่อน สันนิษฐานว่าพระวิหารและหอระฆังสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2367 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
วัดชมภูเวก ตั้งอยู่ที่ซอยนนทบุรี 33 ถนนนนทบุรี 1 ตำบลท่าทราย มีชื่อเดิมว่า "วัดชมภูวิเวก" เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีความเงียบสงบมาก ชาวมอญเป็นผู้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2300 (สมัยอยุธยาตอนปลาย) ปัจจุบันยังคงมีจิตรกรรมฝาผนังพระวิหารและพระอุโบสถที่งดงามหลงเหลืออยู่ รวมทั้งซึ่งเป็นหมู่เจดีย์แบบมอญ (เรียกว่า "พระมุเตา") ที่สร้างโดยพระสงฆ์มอญเมื่อปี พ.ศ. 2460
วัดโชติการาม ตั้งอยู่ที่ซอยบางไผ่ ซอย 4 ถนนบางไผ่พัฒนา-แยกวัดรวก ตำบลบางไผ่ มีชื่อเดิมว่า "วัดสามจีน" สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2350 สิ่งที่สวยงามที่สุดในวัดนี้คือ พระวิหารทรงโรงที่มีจิตรกรรมฝาผนังทั้งสี่ด้าน โดยเขียนภาพตั้งแต่พื้นขึ้นไปจรดเพดาน นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถทรงเรือสำเภาแบบอยุธยาตอนปลายอีกด้วย
อำเภอบางกรวย
วัดบางไกรใน ตั้งอยู่ที่ถนนวัดโพธิ์เอน-วัดบางไกรใน ตำบลบางขุนกอง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ตามประวัติกล่าวว่า ลูกหลานของนายไกร (ไกรทอง) ได้สร้างวัดขึ้นในบริเวณนี้เพื่ออุทิศแก่นายไกร ชาวสวนเมืองนนทบุรีผู้ปราบจระเข้ชาละวันแห่งเมืองพิจิตรลงได้ จุดเด่นของวัดอยู่ที่อุโบสถเก่าซึ่งมีอายุกว่า 300 ปี โครงหลังคาสร้างด้วยไม้สักทอง หน้าบันเป็นไม้สักฉลุลวดลาย บานประตูด้านหน้ามีภาพเขียนสีรูปทวารบาลถืออาวุธด้ามยาว ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไกรรัตนนายก (หลวงพ่อโต) มีศาลนายไกรทองตั้งอยู่ข้างอุโบสถเก่า
วัดชลอ
วัดโพธิ์บางโอ
ตลาดน้ำบางคูเวียง
ตลาดน้ำวัดตะเคียน
อำเภอบางใหญ่
วัดปรางค์หลวง
วัดอัมพวัน
วัดสวนแก้ว
อำเภอบางบัวทอง
วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ เป็นวัดในความอุปถัมภ์ของคณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ถนนเทศบาล 9 ตำบลโสนลอย สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเนื่องในวโรกาสงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 ในบริเวณวัดประกอบด้วยวิหารต่าง ๆ ที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมตามแนวปรัชญาและคติธรรมทางศาสนาพุทธจีนนิกายฝ่ายมหายาน เช่น วิหารพระกวนอิมโพธิสัตว์ วิหารหมื่นพุทธเจ้า เป็นต้น
อำเภอไทรน้อย
ตลาดน้ำไทรน้อย
วัดไทรใหญ่
วัดเสนีวงศ์
วัดคลองขวาง
หมู่บ้านบอนสีเฉลิมพระเกียรติ
โรงเรียนวัดมะสงมิตรภาพที่ 55
อำเภอปากเกร็ด
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ นนทบุรี เป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 80 พรรษา ลำดับที่ 11 ตั้งอยู่ที่หนองปรือ หมู่ที่ 3 ซอยศรีสมาน 4 ถนนศรีสมาน ตำบลบ้านใหม่ มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นน้ำ มีจักรยานน้ำให้เช่าถีบ สวนโดยรอบจัดปลูกพรรณไม้ยืนต้นเพื่อให้ความร่มรื่น รวมทั้งมีการจัดปลูกไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ล้มลุก และไม้ตัดพุ่มสลับสีเพื่อความสวยงาม นอกจากนี้ยังได้รวบรวมไม้ผลที่มีชื่อเสียงมาแต่โบราณของเมืองนนทบุรีมาจัดปลูกไว้ด้วย เช่น ทุเรียน กระท้อน มะปราง เป็นต้น
เกาะเกร็ด
คลองขนมหวาน
ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม
วัดกู้
วัดปรมัยยิกาวาส
วัดเสาธงทอง
วัดฉิมพลีสุทธาวาส
วัดบางจาก
วัดโปรดเกษ
วัดท้องคุ้ง
วัดสะพานสูง
การขนส่ง
ดูบทความหลักที่: รายชื่อถนนในจังหวัดนนทบุรี
ระบบราง
รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม
รถไฟฟ้าสายสีชมพู (กำลังก่อสร้าง)
ทางรถไฟสายใต้ (สถานีบางบำหรุ)
รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงอ่อน (สถานีบางบำหรุ)
รถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (โครงการ)
ทางรถไฟสายบางบัวทอง (ยกเลิกการเดินรถ)
ท่าเรือ
ท่าปากเกร็ด
ท่าเกาะเกร็ด
ท่าวัดกลางเกร็ด
ท่ากระทรวงพาณิชย์
ท่าสะพานพระนั่งเกล้า
ท่าน้ำนนทบุรี
ท่าบางศรีเมือง
ท่าสะพานพระราม 5
ท่านครอินทร์
ท่าวัดเขียน
ท่าวัดตึก
ท่าวัดเขมาภิรตาราม
ท่าวัดปากน้ำ
ท่าบางกรวย
ท่าสะพานพระราม 7
บุคคลที่มีชื่อเสียง

พระสงฆ์

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทโว) – สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จสถิต ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
พระราชธรรมนิเทศ (พยอม กลฺยาโณ) – เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี
นักแสดง / นักร้อง / ผู้กำกับละคร
ทัศนียา การสมนุช – นักแสดง
วรรณรท สนธิไชย – นักแสดง
มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ – นักแสดง
สุคนธวา เกิดนิมิตร – นักแสดง นางแบบ
หนึ่งธิดา โสภณ – นักร้อง นักแสดง
ชินารดี อนุพงษ์ภิชาติ – นักร้อง นักแสดง
อานัส ฬาพานิช – นักแสดง
สุนทร สุจริตฉันท์ – นักแสดง ผู้ประกาศข่าว
อภิษฎา เครือคงคา – นักแสดง นักออกแบบเสื้อผ้า
อัมราภัสร์ จุลกะเศียน – นางงาม นักแสดง
อิศริยา สายสนั่น – นักแสดง พิธีกร ทนาย
อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์ – นักแสดง
ศิริลักษณ์ ผ่องโชค – นักแสดง นักร้อง
ธนกฤต พานิชวิทย์ – นักแสดง นักร้อง
ขวัญฤดี กลมกล่อม – นักแสดง
มนัส ปิติสานต์ – นักแสดงดนตรี นักเขียนเพลง
ประยูร ยมเยี่ยม – นักร้อง
รัชย์ณมนทร์ รัชย์จิราธรรม (เกรซ เดอะสตาร์ 6) – นักร้อง นักแสดง
วทัญญู จิตติเสถียรพร (โฟนลิ้ง เคพีเอ็น 21) – นักร้อง
สาวิตรี สุทธิชานนท์ – นักร้อง
อนุวรรตน์ ทับวัง – นักร้อง
ชาญ บัวบังศร – ศิลปินแห่งชาติ
นนทรีย์ นิมิบุตร – ผู้กำกับละคร
ศรีอาภา เรือนนาค – นักพากย์การ์ตูน
ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล – นักแสดง
พรน้ำมนต์ รัชดาพร – นักแสดง
จิราพร มณีสา – นักแสดง
ชรินพร เงินเจริญ - นักแสดง
ญาณิกา ทองประยูร - นักแสดง
กมนธิดา โรจน์ทวีนิธิ - นักร้อง
รุ่งรดา รุ่งลิขิตเจริญ - นักแสดง

นักการเมือง

ฉลอง เรี่ยวแรง – นักการเมือง
ชวลิต ยงใจยุทธ – อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 22 อดีตผู้บัญชาการทหารบกและอดีตรักษาการผู้บัญชาการทหารสูงสุด
นิทัศน์ ศรีนนท์ – นักการเมือง
แปลก พิบูลสงคราม – อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 3
วิจิตร เกตุแก้ว – อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย
อภิรักษ์ โกษะโยธิน – อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
อภิวันท์ วิริยะชัย – นักการเมือง
อุดมเดช รัตนเสถียร – อดีต สส. จังหวัดนนทบุรี
ผู้สื่อข่าว
วาสนา นาน่วม – ผู้สื่อข่าวสายทหาร
ยุคล วิเศษสังข์ – ผู้สื่อข่าวช่องเนชั่นทีวี และสื่อออนไลน์ภายใต้ชื่อ "EasyYukhon"
นักกีฬา
ธีราทร บุญมาทัน – นักฟุตบอลทีมชาติไทย
วิชาญน้อย พรทวี – นักมวย
สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์ – นักมวย

 

Visitors: 4,662